ความหลากหลายในรูปทรงของหลังคา: มาทำความรู้จักกับแบบที่หลากหลายกันครับ
ในการสร้างโกดังสำเร็จรูป สร้างโรงงานสำเร็จรูป และศูนย์กระจายสินค้าสำเร็จรูปนั้นเต็มไปด้วยรายละเอียดต่างๆที่พวกเราต้องให้ความสำคัญ หลังคา เป็นปัจจัยสำคัญมากที่ทั้งผู้รับเหมาและผู้อยู่อาศัยก็รู้จักและนึกถึงเป็นอันดับแรกๆในการสร้างโกดังสำเร็จรูป สร้างโรงงานสำเร็จรูป และศูนย์กระจายสินค้าสำเร็จรูป และให้ความสำคัญเป็นอย่างดี เนื่องจากหลังคา เป็นส่วนที่สูงที่สุดที่พวกเราอยู่ หลังคา ทำหน้าที่กันแดด กันลม กันฝนให้ทั้งภายในและภายนอกของอาคาร ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ในเขตร้อนชื้น ที่มีฝนตกชุก จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มีการเลือกใช้หลังคาที่มีความลาดเอียงมาก เพื่อลดเหตุการรั่วซึมของน้ำฝนได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในประเทศไทยมี รูปทรงหลังคา ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย 6 รูปทรงดังนี้ครับ
- หลังคาแบบร่วมสมัย (Modern& Contemporary Roof)
- หลังคาเพิงหมาแหงน (Lean To Roof)
- หลังคาแบน (Flat Slab Roof)
- หลังคาทรงหน้าจั่ว (Gable Roof)
- หลังคาทรงปั้นหยา (Hip Roof)
- หลังคาแบบผีเสื้อ (Butterfly Roof)
ซึ่งแต่ละรูปแบบนั้นเป็นรูปแบบหลังคาที่ได้รับความนิยมและนำมาใช้สร้างโกดังสำเร็จรูป สร้างโรงงานสำเร็จรูป และศูนย์กระจายสินค้าสำเร็จรูปอยู่ในตอนนี้ โดยหลังคาแต่ละประเภทก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป ซึ่งรูปแบบของหลังคาสามารถแบ่งออกเป็นรูปแบบต่างๆ และมีหลักการใช้งานรวมถึงผลของการใช้งานได้ดังนี้ครับ
1. หลังคาแบบร่วมสมัย (Modern& Contemporary Roof)
หลังคาแบบร่วมสมัย (Modern& Contemporary Roof) เป็นหลังคาที่มีรูปทรงทันสมัย ใช้วัสดุที่ทันสมัย ก่อให้เกิดรูปทรงแปลกตา แต่ต้องระวังเรื่องความร้อน และการรั่วซึม หลักๆหลังคากลุ่มนี้จะไม่มีรูปแบบที่ตายตัวมากนักแต่ว่าจะเน้นเรื่องความสวยงามและ ฟังก์ชัน พิเศษที่เจ้าของบ้านหรือผู้ออกแบบทำไว้ หลังคากลุ่มนี้มักจะไม่ได้เป็นที่นิยมเนื่องจากการจัดการและการติดตั้งต้องมีมาตรฐานหรือเครื่องมือที่ต้องการการลงทุนที่ค่อนข้างสูง
2. หลังคาแบบเพิงแหงน (Lean To Roof)
หลังคาแบบเพิงแหงน (Lean To Roof) หรือที่เราคุ้นเคยกันดีว่า หลังคาเพิงหมาแหงน (Lean To Roof) เป็นทรงหลังคาที่ได้รับความนิยมมากสมัยนี้โดยเฉพาะบ้านโมเดิร์นสมัยใหม่ เนื่องจากเป็นรูปทรง ทรงเลขาคณิตที่ดูแล้วเรียบง่าย ดังนั้น หลังคาเพิงหมาแหงนจึงแสดงออกถึงความทันสมัย หลังคาเพิงหมาแหงนสังเกตุง่ายๆคือจะมีองศาเอียงไปด้านเดียวเปรียบเสมือนหมาที่นั่งแหงนหน้าขึ้น การยกให้หลังคามีความสูงอีกด้านหนึ่งมากกว่าอีกด้านหนึ่งในลักษณะนี้ ทำให้หลังคาของตัวอาคารมีความสามารถในการระบายน้ำฝนได้ดีตามองศาของหลังคาที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ว่าก็ต้องมีข้อควรระวังคือให้หลังคาเพิงหมาแหงนมีองศาความลาดเอียงมากพอโดยองศาความลาดเอียงขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุและประเภทของตัวแผ่นหลังคาที่นำมาใช้มุง เพื่อที่จะระบายน้ำฝนออกได้ทันไม่ไหลย้อนซึมกลับเข้ามาได้ โดยวัสดุที่มักใช้ในการทำหลังแบบเพิงหมาแหงน มักใช้เป็นวัสดุที่มีขนาดยาวซึ่งทำให้รอยต่อน้อยและมีระยะซ้อนทับมาก เช่น เมทัลชีท ทั้งนี้การเลือกใช้วัสดุในการมุงหลังคาก็จะขึ้นอยู่กับองศาของรูปแบบหลังคาที่ต้องการครับ
ข้อดี : เนื่องจากโครงสร้างหลังคาไม่สลับซับซ้อนเหมือนหลังคาประเภทอื่น ทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้หลายอย่าง ตั้งแต่ประหยัดโครงสร้าง หลังคา ค่าแรง เวลา โดยรวมประหยัดเงิน
ข้อควรระวัง : บังแดดและฝนได้ทิศทางเดียว ควรระวังเรื่ององศาความลาดเอียงหลังคาที่จะทำให้เกิดปัญหารั่วซึมในภายหลังได้
3. หลังคาแบบแบน (Flat Slab Roof)
หลังคาแบน (Flat Slab Roof) หลังคาทรงแบนแบบเปลือย วัสดุที่นิยมใช้เป็นคอนกรีตเทหล่อในที่ เหมาะกับบ้านรูปทรงโมเดิร์น และ ทรอปิคอลโมเดิร์น ซึ่งสามารถใช้พื้นที่ของหลังคาให้เกิดเป็นประโยชน์ได้ หลังคาแบนมีลักษณะแบนราบเป็นระนาบเดียวกับพื้น แต่ต้องมีความลาดเอียงเล็กน้อยเทไปยังช่องที่เจาะเพื่อระบายน้ำฝนออกไป หรือ เทไปยังท่อระบายบนหลังคา แต่หลังคาประเภทนี้ดูดซับความร้อนและรับน้ำฝนโดยตรง จึงต้องมีการป้องกันการรั่วซึมที่ดี ซึ่งวิธีการป้องกันมักจะผสมสารกันรั่วซึมในคอนกรีตระหว่างที่เทหลังคา เมื่อคอนกรีตแห้งแล้ว ให้ทาผลิตภัณฑ์กันรั่วซึมทาทับอีกที ไม่ควรนำพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปมาทำหลังคา เพราะมีรอยต่อซึ่งอาจทำให้เกิดการรั่วซึมได้
ข้อดี : สร้างง่าย ประหยัดวัสดุโครงสร้างและสามารถใช้พื้นที่บนหลังคาแบนได้
ข้อควรระวัง : หลังคาทั้งผืนต้องรับความร้อนตลอดทั้งวัน และ มีความเสี่ยงในการเกิดการรั่วซึมได้มาก ระบายน้ำฝนได้ไม่ดี ควรจะผสมน้ำยากันซึม หรือควรมีวัสดุกันซึมปูทับอีกชั้นหนึ่ง
4. หลังคาแบบทรงหน้าจั่ว (Gable Roof)
หลังคาทรงหน้าจั่ว (Gable Roof) เป็นหลังคาที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมากๆโดยเฉพาะในประเทศของเรา เนื่องจาก หลังคาทรงหน้าจั่ว มีความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นแบบเมืองไทยเรา นอกเหนือจากนี้ยังเหมาะกับทำเป็นหลังคาการสร้างโกดังสำเร็จรูป สร้างโรงงานสำเร็จรูป และศูนย์กระจายสินค้าสำเร็จรูป ในทุกๆภูมิภาค ทุกๆภูมิประเทศ อาจเรียกได้ว่า เป็นแบบมาตรฐานที่นิยมใช้กันมาเนิ่นนาน ซึ่งหลังคาทรงหน้าจั่วนั้นผืนหลังคามีความลาดเอียงสองด้านชนกันที่ปลายสูงสุดของหลังคา สันสูงอยู่ตรงกลาง หลังคาทรงหน้าจั่วนี้มีความสามารถในการระบายความร้อนใต้หลังคาได้ดี เนื่องจากทรงของหลังคายกสูง และมีพื้นที่ใต้หลังคามาก และด้วยคุณสมบัติของไอความร้อนที่จะลอยขึ้นสูงเสมอทำให้การที่มีพื้นที่ใต้หลังคามากมีอากาศไหลเวียนเข้าในอยู่ภายใต้หลังคาและกระจายตัวความร้อนออกตามโครงสร้างของหลังคา นอกจากจะดีในเรื่องของการระบายความร้อนใต้หลังคาด้วยตัวโครงสร้างแล้ว หลังคาทรงหน้าจั่วยังช่วยในการลดปัญหาของการรั่วซึมของน้ำ เนื่องจากมุมองศาของบ้านและการลาดเอียงออกจากตัวอาคารทั้งสองด้านในเวลาเดียวกัน บวกกับความลาดเอียงที่เยอะเป็นพิเศษ จึงทำให้ เมื่อฝนตกแรงของน้ำ สามารถกระจายตัวออกและไหลลงเชิงชายของหลังคาได้อย่างรวดเร็วครับ
ข้อดี : เป็นทรงหลังคาที่ระบายความร้อนได้ดีกว่ารูปทรงอื่นๆ
ข้อควรระวัง : ฝนสาดได้หากตัวบ้านและหน้าจั่วหันผิดทิศ
5. หลังคาแบบทรงปั้นหยา (Hip Roof)
หลังคาทรงปั้นหยา (Hip Roof) นิยมสูงในบ้านสไตล์ ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศไทย ลักษณะพิเศษของหลังคาทรงปั้นหยานั้นคือการครอบคลุมตัวหลังคาไปในทุกทิศทาง ส่วนใหญ่ที่เราพบเห็นคือด้านลาดเอียงสี่ด้านขึ้นไปชนกัน โดยส่วนบนสุดของหลังคา จะเป็นจุดยอดรวมของแต่ละด้าน ด้านต่างๆ มีลักษณะเป็นทรง 3 เหลี่ยม และสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันพิงเข้าหากัน หลังคาทรงปั้นหยา นั้นมีมุมลาดเอียงน้อยกว่าทรงจั่ว ข้อดีอีกอย่างของหลังคาทรงปั้นหยาคือการมีชายคายื่นยาวออกไปในทุกทิศทางไปช่วยคุ้มแดดคุ้มฝนแต่ไม่มีด้านรับลมเหมือนหลังคาจั่วจึงมักใช้การเพิ่มหน้าต่างรับลมใต้ชายคาหรือเว้นร่องฝ้าชายคาเพื่อให้สามารถระบายอากาศใต้หลังคาได้ ข้อควรระวังของหลังคาทรงปั้นหยามีจุดเชื่อมต่อมากกว่าหลังคาแบบอื่นๆที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ อาจทำให้เกิดปัญหารั่วซึมได้มากกว่าหากช่างผู้ติดตั้ง ไม่มีความชำนาญ
ข้อดี : มีความแข็งแรงที่สุดเมื่อเทียบกับทรงหลังคาทุกแบบสามารถรับลมและฝนได้จากทุกทิศทางรวมถึงเข้ากันได้กับตัวบ้านหลากหลายสไตล์
ข้อควรระวัง : รับลมเข้ามาระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าหลังคาแบบอื่น และ ช่างติดตั้งต้องมีความชำนาญ
6. หลังคาแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Roof)
หลังคาปีกผีเสื้อ (Butterfly Roof) ประกอบด้วยหลังคาเพิงหมาแหงน 2 หลังหันด้านที่ต่ำกว่ามาชนกัน ทรงหลังคานี้ไม่ได้มีให้พบเห็นได้เยอะในประเทศไทย แต่บางทีเจ้าของหรือผู้ออกแบบนำมาใช้เพื่อเสริมสร้างความสวยงาม แต่เนื่องจากตำแหน่งที่ต่ำที่สุดอยู่บริเวณกลางตัวอาคารทำให้ หลังคาแบบผีเสื้อ อาจเกิดการรั่วซึมได้สูงกว่าหลังคารูปทรงอื่น เนื่องจากน้ำฝนย่อมรวมกันตรงพื้นที่ต่ำกว่าและเพราะปริมาณน้ำฝนที่สามารถตกเข้ามาเป็นปริมานมากจากทั้งสองด้านของหลังคาเสมอ ดังนั้นการติดตั้งรางน้ำฝนบริเวณกลางหลังคาที่มีความสามารถรองรับน้ำจากหลังคาทั้งสองจึงต้องมีการออกแบบและดำเนินการอย่างละเอียด รางน้ำที่ถูกเลือกใช้จะต้องมีความกว้างและลึกกว่าหลังคาทั่วไปเพื่อให้สามารถรองรับและระบายน้ำฝนได้ทัน จึงทำให้ หลังคาแบบผีเสื้อ ไม่ค่อยเหมาะกับสภาพอากาศในเมืองไทยสักเท่าไหร่เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีฝนตกชุกอยู่ตลอดเวลา
ข้อดี ความสวยงามและดูแปลกตาและทำให้อาคารที่ก่อสร้างมีความเด่นสะดุดตา
ข้อควรระวัง : เป็นทรงหลังคาที่รองรับน้ำ จึงมีโอกาสสูงมากที่จะมีโอกาสรั่วซึมของน้ำ
การเลือกใช้รูปทรงของหลังคาขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์กับสไตล์ทั้งหลังหรืออาคาร พื้นที่ที่ตั้ง และสภาพภูมิอากาศ การใช้รูปทรงของหลังคาที่เหมาะสมสามารถเพิ่มความสวยงามและความคุ้มค่าให้กับโครงการสร้าง คำแนะนำที่ดีคือพิจารณาความจำเป็น ความสบายในการใช้ชีวิตและสไตล์ที่ถูกใจเมื่อเลือกรูปทรงของหลังคาครับ